เมนู

ก็ในคำว่า นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย เป็นต้น ทรง
กระทำคำว่า มีวิญญาณเป็นเหตุ เป็นต้น เพราะความที่วิญญาณเป็นต้น เกิด
พร้อมกับความเป็นอวิคตปัจจัย. นี้เป็นความต่างกันในเหตุจตุกะ.

ว่าด้วยสัมปยุตตจตุกะ

(บาลีข้อ 282)
แม้ในสัมปยุตตจตุกะ ก็ทรงแสดงความที่สังขารมีอวิชชาเป็นปัจจัย
ด้วยอำนาจปัจจัยมีสหชาตะเป็นต้น โดยตรัสเพียงเท่านี้ว่า อวิชฺชาปจฺจยา
(เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย) แล้วทรงแสดงความที่อวิชชาเป็นสัมปยุตตปัจจัยว่า
อวิชฺชาสมฺปยุตฺโต (สัมปยุตตด้วยอวิชชา) ดังนี้. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้
เหมือนกัน. แต่เพราะอรูปธรรมไม่ประกอบกับรูปธรรมทั้งหลาย ฉะนั้น แม้ใน
คำว่า วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ (นามรูปเกิดเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย) เป็นต้น
ก็ถือเอาเฉพาะองค์ที่ได้เท่านั้น โดยนัยมีอาทิว่า วิญญาณสมฺปยุตฺตํ นามํ
(นามสัมปยุตด้วยวิญญาณ) ในบทวาระที่ 3 และที่ 4. นี้เป็นความต่างกันใน
สัมปยุตตจตุกะ.

ว่าด้วยอัญญมัญญจตุกะ

(บาลีข้อ 286)
อนึ่ง ในอัญญมัญญจตุกะ พระองค์ทรงแสดงความที่สังขารมีอวิชชาเป็น
ปัจจัย ด้วยอำนาจปัจจัยมีสหชาตะเป็นต้นว่า อวิชฺชาปจฺจยา (เพราะอวิชชา
เป็นปัจจัย) แล้วแสดงความที่อวิชชาเป็นอัญญมัญญปัจจัยว่า สํขารปจฺจยาปิ
อวิชฺชา
(อวิชชาเกิดแม้เพราะสังขารเป็นปัจจัย) ดังนี้. แม้ในบทที่เหลือก็นัย
นี้เหมือนกัน. แต่เพราะภพเป็นนิปปเทสะ (คือทรงแสดงโดยสิ้นเชิง) อุปาทาน

เป็นสัปปเทสะ (คือทรงแสดงเล็กน้อย) และธรรมที่เป็นสัปปเทสะเป็นปัจจัย
แก่ธรรมที่เป็นนิปปเทสะ ธรรมที่เป็นนิปปเทสะไม่เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น
สัปปเทสะ ฉะนั้น ในอัญญมัญญจตุกะนี้ จึงไม่ตรัสว่า ภวปจฺจยาปิ
อุปาทานํ
(อุปาทานเกิดแม้เพราะภพเป็นปัจจัย) อีกนัยหนึ่ง มิได้ตรัสอย่าง
นี้เพราะทรงตัดออกแล้วโดยเทศนาไว้ในหนหลัง แต่เพราะสฬายตนะมีเพราะ
นามรูปเป็นปัจจัย นามรูปย่อมไม่มีเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัยในขณะจิตดวง
เดียวกัน สฬายตนะพึงเป็นอัญญมัญญปัจจัยแก่นามรูปใด ฉะนั้น ในวาระที่ 4
จึงทรงถือเอาเฉพาะองค์ที่ได้ในข้อว่า สฬายตนปจฺจยาปิ นามรูปํ (นามรูป
เกิดแม้เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย). นี้เป็นความต่างกันในอัญญมัญญจตุกะ.
มาติกาแห่งนัยมีอวิชชาเป็นมูล จบ

อธิบายนัยแห่งมาติกามีสังขารเป็นมูลเป็นต้น

*

บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มนัยมีสังขารเป็นมูลว่า สํขารปจฺจยา
อวิชฺชา
(อวิชชาเกิดเพราะสังขารเป็นปัจจัย) แม้ในพระบาลีสังขารเป็นมูล
เป็นต้นนั้น ก็พึงทราบจตุกะ 4 และวาระ 16 เหมือนในนัยที่มีอวิชชาเป็นมูล.

ว่าด้วยนิเทศจตุกะที่ 1


ก็ในจตุกะที่ 1 พระองค์ทรงแสดงเฉพาะวาระที่ 1 เท่านั้น แล้วทรงย่อ
เทศนาไว้ แม้ในนัยที่มีวิญญาณเป็นมูลเป็นต้นก็เหมือนในนัยที่มีสังขารเป็น
มูลนี้ บรรดานัยเหล่านั้น พระองค์ทรงแสดงความที่อวิชชามีสังขารเป็นต้น เป็น
* บาลีข้อ 290